วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557

ตะลุยดินแดนมหัศจรรย์

        หลังจากที่แพลนไปฟูจิซังของเราพลาดไป เสมือนโชคชะตาฟ้าลิขิตให้เราไปย่านที่เหมาะสมกับหน้าตาและฐานะอย่างเรา ต้องพลัดเข้าไปยังดินแดนดูดเงิน (ขอเรียกแบบนี้ค่ะ) ดินแดนที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยสินค้าทั้ง local brand และ brand name กรี๊ดด หลายรอบ เพราะแม้แต่ ABC  (ร้านรองเท้าที่ถูกที่สุด) อิชั้นยังช้อปแล้วช้อปอีก ขากลับลองนับกันดู เพื่อนสาวได้มา 5 คู่ และอิฉัน 3 คู่ (555 ไม่ได้บ้ารองเท้านะ แต่เห็นแล้วอดไม่ได้จิ จิ) นั่นคือ ฮาราจูกู  ชินจูกู และ ชิบูย่าค่ะ สารภาพตามตรง ปกติชอบช้อปและมีสติอยู่เยอะ ครุคริ แต่มาที่นี่เท่านั้นแหล่ะค่ะ ทุกอย่างมลายพลัน เห็นภาพคนรู้จัก และครอบครัว เหมาะสมกับสิ่งไหน ดิฉันชั่งใจตามราคาและสอยมาในทันควัน กร๊ากกกก (แอบกระซิบของตัวเองคงมีแค่รองเท้า 2 คู่ กระโปรงและเสื้อ 1 ตัว แต่ที่เหลือ เอิ่ม..คุณเพื่อน คุณแฟน คุณน้องและคุณแม่คร้า!)

         เราเดินหลงกันไปเรื่อย ๆ ตามความเคยชินของเรา รู้แต่เพียงว่าอยู่บนนถนนสายไหนแค่ไหน แต่อย่าถามพิกัด ไม่รู้ค่ะ ระหว่างทางที่เราเดินชมบ้านเมือง ร้านค้า และชายหนุ่ม  >< เราก็สะดุดตากับสิ่งนี้ค่ะ ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่เราอยากเจอ 1 ใน 10 ของการมาเยือนญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ จากเดิมที่เคยใช้ชีวิตในอเมริกามา (ไม่นานนัก) เราคุ้นเคยกับ homeless พอสมควร และที่ญี่ปุ่นนี่เอง เขาจะประหลาดกว่านิดหน่อย ตรงที่ชื่อเรียกนี่แหล่ะค่ะ "มนุษย์กล่อง" วันนี้เราได้พบกับเขาแล้วล่ะ จะบอกว่าไม่ได้มีเยอะ เหมือนที่เราจินตนาการ ในอากาศหนาว ชื้นแฉะ มีเพียงกล่อง 2 ใบช่วยคลายได้ดีทีเดียว พร้อมทั้งมีคนใจดีเอาอาหารมาวางอย่างที่เห็นค่ะ เราดีใจที่ได้เจอ เลยแอบถ่ายรูปมา 1 ใบ >< แล้วก็หลงต่อ
             เดินมาเรื่อย ๆ ปะทะกับเจ้าตู้หยอดเหรียญ ริกกะคูมะ คร้า แล้วใจดวงน้อย ๆ ของอิชั้นจะอดใจไหวได้อย่างไร 5555 สติมาอยู่อีกทีตอนที่ควักเงินไป 500 เยน แต่ไม่ได้สักตัว T_T ในใจก็คิดว่ามันอาจเป็นเพราะตุ๊กตาตัวเล็กไปอาจจะมีความยาก งั้นเดินเข้าไปข้างในกันเถอะ เราจะเจอตู้หยอดตัวใหญ่ ที่หยอดครั้งละ 300 เยน เอิ่ม สติค่ะ สติ ดิชั้นคำนวนดูถ้ายอดอีกแล้วไม่ได้อาจสูญเงินไปกว่า 1000 เยน เงินไทยก็ 3 ร้อยกว่าบาท ซื้อดีกว่าไม๊? 555 ความงกพรุ่งปรี๊ดดดด! จูงมือเพื่อนที่กำลังจะหย่อนเงินออกจากร้านทันที ออกเดินเท้ากันต่อไป และเราก็เจอกับ ABC อีกแล้วคร้า 555 แอบถ่ายมา ดูราคาสิคะ New balance หมื่นก่าเยน บางรุ่น 8-9 พันเยน ราคาก็แล้วแต่รุ่น และยี่ห้อค่ะ แต่ขอบอกว่าถูกนะ ปกติเราจะฝากเพื่อนซื้อจากเมกา ซึ่งราคาก็ไม่ทิ้งห่างจากที่นี่ ส่วนของไทยไม่ต้องพูดถึงค่ะ บางรุ่นถูกกว่าเกือบ 1 พันบาทเลยอ่ะ




        เราเดินเลือกซื้อของที่นี่ทั้งวันเลยค่ะ จะบอกว่าให้เวลาทั้งหมดที่มีก็เดินไม่ทั่วจริงๆ จนรู้สึกเดินไม่ไหวแล้วล่ะ พร้อมกับทั้งฝนและอากาศค่อนข้างเย็น ของก็หนักเลยตัดสินใจกลับที่พัก เอาไปเก็บก่อนค่ะ แล้วออกมาใหม่ช่วงที่เรามา หรือว่าเป็นทุกช่วงก็ไม่รู้นะ สัก 5 -6 โมงเย็นก็มืดแล้วอ่ะ


           เราออกมานั่งรถไฟฟ้าไปย่านอากิฮาบาระค่ะ เสียดายมาก ๆ ตอนที่เรามาทั้งฝนและพายุโหมกระหน่ำมาก บอกเลยว่าเปียกทั้งตัว แต่ไม่ย่อท้อ แอบหลบฝนแล้วถ่ายคลิปพายุมาฝากนิดหน่อยค่ะ ติดอยู่ตรงนี้เกือบครึ่งชั่วโมง แล้วเลยตัดสินใจกลับกันเถอะ ด้วยความหิวมันเรียกร้อง เราเลยทั้งวิ่งและเดินกลับไปยังสถานีที่เรามา จุดตรงนั้นก็จะมีห้างอยู่ค่ะ เลยคิดว่าจะทานข้าวที่นั่น และแล้วเราก็พบกับที่นี่ค่ะ เป็นร้านซูชิ แบบยืนทาน ร้านเล็ก ๆ อยู่ในมุมด้านในสุดของห้าง ทีแรกเราแต่ก็ต้องถอยออกมาตั้งหลักก่อนเพราะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกเลย แถมเมนูซูชิที่เป็นภาษาอังกฤษก็ไม่รู้จักด้วยค่ะ 5555 ตั้งหลักเดินเล่น (เสียเงินซื้อของอีกแล้ว) ด้วยท้องมันเรียกร้อง เพื่อนก็อยากลองทานร้านนั้น เราเลยตัดสินใจเดินกลับไปใหม่ จากที่ตัวเปียกๆ รองเท้าชุ่มไปด้วย

น้ำฝน นี่แห้งสนิทเลยนะ 555 และเราก็ได้กิน ซึ่งรสชาตสมกับการกลับมาจริง ๆ ค่ะ ที่นี่ใช้ปลาสดจริง ๆ เลยทำให้มีรสหวานแบบธรรมชาติซูชิก็ก้อนใหญ่ค่ะ เป็นเนื้อห่อข้าว ทานเข้าไปล้นปากค่ะ (จะบอกว่าปากเล็ก><) แถมชาเขียวยังให้เราบริการตัวเองแบบมีหัวก๊อกน้ำร้อน ซึ่งผงชาเขียวเขาจะมีบริการให้เราตรงพวกกระปุกเครื่องปรุงเลยค่ะ

 และอาหารที่เราสั่งก็หน้าตาแบบนี้ค่ะ ราคาก็ไม่แพงนะ ทานเสร็จก็เอากระดาษที่เราเลือกไว้ไปคิดเงินหน้าร้านค่ะ อ้อ! ต้องชมเชฟที่นี่ด้วยค่ะ ทุกคนบริการเราดีมาก ๆ ทั้งแนะนำ ถามและช่วยเหลือเราในการสั่งทุกอย่าง บอกเลยว่าประทับใจ ถ้าไปอีก ร้านนี้จะเป็นร้านที่เราต้องไปใช้บริการอีกแน่นอนค่ะ













วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557

เฮ้ย!! ฝนตก

      
          เรารีบตื่นกันแต่เช้า (ของเรา) ค่ะ เพื่อที่จะไปตามแพลนของเราวันนี้คือ ฟูจิซัง ><  แต่เมื่อออกมานอกบ้าน เราพบว่า T__T ฝนตกค่ะ อุ๊ต๊ะ!  เราหากลัวไม่ บุกฝ่าลุยฝนไปสถานีรถไฟกันเพื่อจะไปต่อรถบัสที่ชินจูกู

          เมื่อมาถึงสถานีชินจูกู เราก็พบว่า.... ฟ้าไม่เปิดค่ะ ซึ่งถ้าเรานั่งรถไฟอาจจะไปถึงแต่ไม่ได้เห็นฟูจิซังของเรา แพลนนี้เราต้องปิดประเด็นไปอย่างน่าเสียดายค่ะ แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อเรามาถึงแหล่งดูดเงินแล้ว ก็เสียเงินกับมันซะเลย สุดท้ายเราได้พบว่า ตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 2 ทุ่มนั้น เวลาไม่พอสำหรับการเดินที่นี่จริง ๆ 


          หิวแล้วกองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ เรามาสะดุดตากับตู้ราเมนหยอดเหรียญค่ะ ปัญหาของเราที่พบก็เหมือนเดิมคือ อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ยังดีนะพี่มีภาพให้เชยชมอยู่บ้าง แต่มันไม่จบเพียงแค่นั้นสิคะ ในเมื่อ หยอดไปก็ต้องมีเงินทอน เราก็กดมั่ว ๆ  กันค่ะ 5555 ได้คูปองมาซึ่งตรงกับจำนวนเงินทอน (ก็คิดว่าอ่อ นั่นคือคูปองเอาไปแลกเงิน) กร๊ากกก เพื่อนอีกคนก็กด ๆ แล้วก็เลือกเมนูที่ตัวเองต้องการ แต่เอ๊ะ!! ทำไมเขาได้เงินทอนหว่า 555 มาถึงตรงนี้ เอาวะ เป็นไงเป็นกันเดี๋ยวก็รู้ว่าหน้าตาเมนูเราจะเป็นยังไงค่ะ พอเข้ามาให้ร้าน จะมีบาร์เล็ก ๆ ที่กั้นระหว่าทางเข้ากับครัว เราก็เอาตั๋วที่ได้ยื่นให้เขาค่ะ และเหมือนเดิม เขาจะพูดภาษาญี่ปุ่นกับเราชุดใหญ่ พี่ไทยอย่างเรายิ้มอย่างเดียวค่ะ และเหมือนเขาจะรู้นะว่าตั๋วอีกใบของเราเนี่ยะ เรากดผิด เขาก็คืนเงินมาให้ อุ๊ต๊ะ!! ดิฉันประทับใจอีกแล้ว  เราก็เดินยิ้ม ๆ เวลาแค่แปบเดียวค่ะ ก็ได้อาหารหน้าตาเช่นนี้มา และมันคือ!!! 
เมนูของฉัน

      บะหมี่เย็น T__T (เราไม่กินบะหมี่เย็น) ทำไงละคะ เพื่อนสุดเยิฟรู้ถึงความเรื่องมากของเรา ณ จุดนี้มากค่ะ 555 เลยแลกเมนูกัน อธิบายเล็กน้อยไอ่แผ่นสีน้ำตาลนั้นคือ เต้าหู้หวานค่ะ (คือรสชาติหวานอย่างเดียวเลย) ในชามนี้ก็จะมีต้นหอมสไลด์ เส้น ไข่ ซึ่งทุกอย่างเย็นหมดเลย อ่อ มีวาซาบิก้อนนึงด้วย

และในร้านนี้ค่ะ ก็จะมีบาร์ตรงกลางคิดว่าน่าจะเป็นสำหรับผู้ที่รีบเร่ง (มั้ง) ยืนทานได้เลย อืม ก็สะดวกดีเหมือนกันนะคะ  หลังจากที่เราทานเสร็จแล้ว (ทานไม่ได้เลย เพราะรสชาติอาหารที่หวานมาก และเราดันเป็นประเภทปรุงรสอาหารไม่เป็นค่ะ เลยทานไม่หมด ขอโทษนะคะเชฟ T_T) เราก็ต้องยกชามไปเก็บด้วยนะ เขามีที่จัดไว้ ลักษณะคล้ายโรงอาหารบ้านเราค่ะ แต่เล็ก ๆ ตอนยกไป คนก็แอบมองเรานะ เอ๊ะ!! เหมือนยังไม่ได้ทานไรงี้ ก็เขิน ๆ ค่ะ คืออาจด้วยวัฒนธรรมเขาด้วยรึเป่า ไม่แน่ใจนะ 

    เอาล่ะ จากนี้ก็เป็นเวลาของเราแล้วค่ะ เราหาทางเดินขึ้นมาจาก subway และเราก็มาโผล่ที่ไหนไม่รู้ รู้แต่ละลานตาไปด้วยตึก และร้านค้าเพียบเลยค่ะ แต่ต้องมาสะดุดตากับเจ้าตู้นี้ 555 ริกะ เต็มตู้เบยยยยย กรีสสสสส เสียเงินกับตู้นี้ไป 300 เยนค่ะ แต่ไม่ได้สักตัว โกรธเลยเข้าไปหยอดในร้านอีก ซึ่งจะมีตู้แบบเป็นตัวใหญ่ด้วยนะ ครั้งละ 200 เยน บอกกับตัวเองว่า ถ้าไม่ได้ ฉันจะเสียเงินซื้อเองละกัน สุดท้ายไม่ได้ค่ะ เดินคอตกออกจากศูนย์เกมตรงนั้น และก็มาสะดุดตากับร้านนี้ค่ะ Gift Gate กรีสส!!!  คิตตี้ตัวใหญ่มากกกกกก ภายในร้านก็จะเป็นสินค้าซาริโอทั้งหมดค่ะ ดิฉันก็ละลานตา (อีกแล้ว) ร้านนี้เราเจอคนไทยด้วย พาเด็ก ๆ มาซื้อของใช้ >< เดินเข้ามาอีกสักหน่อย ก็พบกับเจ้าตู้หยอดเล่นอะไรสักอย่างค่ะ ด้วยความขี้สงสัยของเรา ก็หยอดเลยค่ะ แม่เจ้า !! หยอดแล้วฉันต้องหมุน ๆ ๆ  ๆ ๆ ประมาณ  1 นาทีค่ะ และก็ได้พบกับป๊อบคอร์นคิดตี้จ้า!!! น่ารักมากกกกก